AlphaCard Thailand

How to ใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย

How to ใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย ไม่ถูกมิจฉาชีพขโมยข้อมูล

เดี๋ยวนี้จะทำธุรกรรมแต่ละครั้งแม้ว่าจะสะดวกสบายขึ้นเยอะ เพราะโลกออนไลน์ทำให้มีตัวเลือกในการชำระค่าบริการต่างๆ ได้หลายหลายขึ้น แต่การทำธุรกรรมรูปแบบใหม่ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกโจรกรรมข้อมูล และอาจสร้างความเสียหายให้กับเราได้

โดยเฉพาะการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต ที่แม้จะให้ความสะดวกสบายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย แต่เจ้าของบัตรเองก็ควรบริหารความเสี่ยงและรักษาความปลอดภัยจากการใช้บัตรเครดิต เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการโจรกรรมข้อมูลจากเหล่ามิจฉาชีพหรือสแกมเมอร์ต่างๆ ได้ ซึ่งวิธีการใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัยนั้นก็มีอยู่หลายอย่าง ตั้งแต่วิธีง่ายๆ ที่หลายคนก็รู้แต่มองข้าม ไปจนถึงวิธีที่บางคนอาจคิดไม่ถึง 

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ใช้บัตรเครดิตหรือใช้จ่ายด้วยวิธีการอื่นๆ ควรต้องมีสติอยู่เสมอ หากเจอสิ่งผิดปกติให้รีบสอบถามหรือหาข้อมูลเพิ่มเพื่อความมั่นใจก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง

วิธีการใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

ใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย

1. เมื่อได้บัตรเครดิตมาแล้ว ให้เซ็นชื่อไว้ที่หลังบัตรเพื่อไม่ให้ถูกปลอมแปลงตัวตน หรือถูกแอบนำบัตรไปแอบอ้างใช้ได้ 

2. ปิดรหัส CVV หรือเลข 3 หลักหลังบัตร เพื่อไม่ให้คนอื่นนำบัตรเราไปใช้ได้ อาจหากระดาษหรือเทปมาปิดทับ หรือบางคนอาจใช้วิธีจดหรือจำรหัสไว้ แล้วลบหรือขีดฆ่ารหัสที่หลังบัตรทิ้งไปเลย หากทำบัตรหายก็ไม่ต้องห่วงว่าคนอื่นจะรู้รหัส CVV ของเรา

3. ใช้บัตรเครดิตทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เฉพาะในร้านค้าที่เชื่อถือได้เท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตในร้านที่ไม่แน่ใจหรือเคยมีประวัติไม่ดีมาก่อน เพื่อป้องกันการถูกขโมยข้อมูลหรือกลโกงอื่นๆ

4. ในร้านที่มีพนักงานช่วยในการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ต้องให้แน่ใจว่าบัตรเครดิตอยู่ในสายตาเสมอ อย่าให้พนักงานเป็นฝ่ายถือบัตรเครดิตไปให้ที่ที่เรามองไม่เห็น เพราะหากเกิดอะไรที่ผิดปกติขึ้นเราจะไม่มีทางรู้ได้เลย

5. ก่อนชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ให้ตรวจสอบยอดเงินให้เรียบร้อยก่อนว่ายอดเงินที่ต้องจ่ายตรงกับยอดที่เราซื้อของจริงๆ

ใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย

6. หลังใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตที่ร้านค้าแล้ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับบัตรเครดิตคืนก่อนออกจากร้านทุกครั้ง

7. เก็บใบเสร็จที่ได้จากการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต เอาไว้ตรวจสอบอีกครั้งกับบิลบัตรเครดิตของแต่ละเดือนเสมอ เพื่อความมั่นใจว่าไม่มีรายการแปลกปลอมขึ้นมาจากยอดที่เราใช้จ่ายไป

8. เปิดใช้บริการแจ้งเตือนการใช้บัตรเครดิต โดยรับการแจ้งเดือนผ่านทาง SMS E-mail หรือแอปพลิเคชันของบัตรเครดิตนั้นๆ เมื่อมีรายการใช้จ่ายเราก็จะได้รับการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะหากมียอดใช้จ่ายจากมิจฉาชีพ เราก็จะสามารถแจ้งระงับยอดกับทางธนาคารได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากขึ้น

9. ตั้งค่าจำกัดวงเงินที่ใช้ได้ต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงการถูกแอบนำบัตรไปใช้แล้วรูดใช้จ่ายจำนวนมากๆ โดยที่เราไม่รู้ และช่วยจำกัดการใช้จ่ายของตัวเราเองไม่ให้ฟุ่มเฟือยเกินไปด้วย

10. ตั้งค่ารหัสบัตรเครดิตให้เดายาก เสริมความปลอดภัยอีกชั้นให้กับบัตร

11. ไม่บอกข้อมูลบัตรเครดิตกับคนอื่น หรือยกบัตรเครดิตให้คนอื่นใช้โดยที่เราไม่รู้ว่านำไปใช้กับอะไร ที่ไหน

12. หากมีบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้แล้ว ให้ยกเลิกบัตรทิ้งไปเสีย เพื่อลดความเสี่ยงการถูกโจรกรรมข้อมูลหรือถูกมิจฉาชีพนำไปใช้

ใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย

13. สมัครใช้บริการ 3-D Secure เช่น Verified by Visa, Mastercard Secure Code, JCB Secure ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต โดยตรวจสอบวิธีการสมัครได้ที่ธนาคารเจ้าของบัตรหรือเครือข่ายผู้ให้บริการบัตรเครดิตของคุณ

14. เจ้าของบัตรเครดิตที่ใช้การแตะจ่ายได้ อาจมีความเสี่ยงจะถูกโจรกรรมข้อมูลจากการใช้เครื่องสแกนที่ใช้ Radio Frequency Identification หรือ RFID ขโมยข้อมูลของบัตรเครดิตได้แม้ตัวบัตรจะยังอยู่ในกระเป๋าสตางค์ โดยที่ตัวเจ้าของบัตรไม่ทันรู้ตัว และไม่อาจป้องกันอะไรได้เลย การใช้กระเป๋าสตางค์ RFID Safe ที่ถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ โดยใช้วัสดุที่สามารถป้องกันคลื่นความถี่จากเครื่องสแกนของเหล่ามิจฉาชีพไม่ให้ทะลุเข้ามาขโมยข้อมูลของบัตรได้ 

15. เมื่อพบความผิดปกติ เช่น มีรายการหักยอดที่ไม่ได้ใช้ บัตรเครดิตสูญหาย ถูกปลอมแปลงข้อมูล หรือถูกหลอกให้ใช้จ่าย ให้ติดต่อธนาคารผู้ออกบัตรทันที เพื่อให้ทางธนาคารช่วยเหลือต่อไป

16. สุดท้ายนี้ เป็นประเด็นที่หลายคนกำลังเจออยู่ขณะนี้ คืออย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่เข้าหาผ่านทาง SMS หรือการโทรศัพท์ โดยสามารถดูในเบื้องต้นได้ว่า เบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้าหรือส่ง SMS มานั้นเป็นเบอร์แปลกที่ขึ้นต้นด้วย +66 ไม่ใช่ 02 หรือ 08 อย่างทั่วไป หรือมีลิงก์ที่มีชื่อเว็บไซต์แปลกๆ ให้เราคลิก อย่าตอบรับ อย่าคลิก อย่าหลงเชื่อกลโกงเหล่านั้น